วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Review - Nikon D5200

สำหรับคนที่มองหากล้อง DSLR สำหรับเริ่มต้นสักตัว วันนี้เรามีกล้องดีๆมานำเสนอ นั่นคือ Nikon D5200 กล้อง DSLR ระดับ Entry Level ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่สนใจในการถ่ายภาพ หรือผู้ที่กำลังริเริ่มจะมาเล่นกล้อง DSLR มาดูกันดีกว่าครับว่ากล้อง Nikon D5200 ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจครับ
กล้อง Nikon D5200 เป็นกล้องที่ออกแบบมาได้เล็กกว่ากล้อง DSLR รุ่นใหญ่ๆครับ ตัวบอดี้นั้นมีขนาดไม่ใหญ่โต อาจจะเหมาะสำหรับสาวๆ หรือเอาไว้เป็นกล้องท่องเที่ยวก็ได้ครับ น้ำหนักตัวของกล้อง Nikon D5200 ก็ถือว่าปานกลางไม่หนักเกินไปนัก แต่ความสามารถในการทำงานนั้นเรียกว่าตอบสนองความต้องการในการถ่ายภาพได้มากทีเดียวครับ
แต่ที่บอกว่าตอบสนองการถ่ายภาพได้มากนั้น แน่นอนว่าไม่ครอบคลุมฟีเจอร์บางอย่างแบบที่กล้องรุ่นใหญ่ๆทำได้ เช่น ไม่รองรับระบบแฟลชไร้สาย CLS กล้องตัวนี้จึงเหมาะกับมือใหม่ที่ไม่ได้ใช้ถ่ายภาพอะไรที่เน้นเทคนิคอลังการงานสร้าง เพราะอย่างที่บอกไปคือกล้องตัวนี้ออกแบบมาสำหรับมือใหม่ เน้นใช้ง่ายครับ แต่จริงก็น่ามีมาให้นะ
Nikon D5200 มีการปรับปรุงการถ่ายวีดีโอให้ดีขึ้นโดยเฉพาะไมค์รับเสียงด้านหน้าแบบสเตอริโอ รวมไปถึงการถ่ายวีดีโอแบบ Full HD ซื้อกล้องตัวนี้ตัวเดียวใช้งานแบบจิปาถะได้เลย
ระบบโหมดถ่ายภาพต่างๆที่ให้มานั้นมีให้เลือกแบบง่ายๆไปจนถึงโหมดถ่ายภาพแบบมาตรฐาน การใช้งานโหมดอัตโนมัติต่างๆนั้นมีให้เลือกมากมายครับ หรือจะเป็นการถ่ายภาพโดยใช้เอฟเฟคท์จากกล้องได้เลยไม่ต้องพึ่งการตกแต่งจากในคอมพิวเตอร์ก็แค่หมุนแป้นง่ายๆ
นอกจากนี้ Nikon D5200 ยังสามารถตกแต่งภาพตามเอฟเฟคท์ที่กล้องให้มาได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและช่วยให้ได้รูปสวยๆง่ายขึ้นครับ
มาดูด้านหลังกล้องกันบ้าง หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 921k จุด การใช้งานจริงพบว่าสู้แดดได้ดีในระดับหนึ่งเลยครับ แถมมุมมองของหน้าจอนั้น แม้จะมองเอียงๆก็ยังเห็นภาพบนหน้าจออยู่
หน้าจอ LCD แบบบิดพับได้นั้น เพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพครับ หรือจะหมุนกล้องมาถ่ายตัวเองก็ทำได้ง่าย กลายเป็นว่ากล้อง DSLR ตัวนี้จะซื้อมาพกไว้ถ่ายตัวเองก็ได้เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะลำบากในการกดชัตเตอร์สักหน่อยครับ เพราะหน้าจอไม่ใช่ทัชสกรีน
กล้อง Nikon D5200 รองรับ SD Card นะครับ ส่วนแบตเตอรี่นั้นใช้รุ่น EN-EL14 ซึ่งการใช้งานจริงนั้นพบว่าแบตเตอรี่ค่อนข้างอึดอยู่เหมือนกัน แม้ว่าจะเปิดหน้าจอ LCD ดูภาพหรือใช้ Live View บ่อย ใช้งานได้ทั้งวันหรือสองวันได้สบายๆ
พอร์ตเชื่อมต่อก็ให้มาทั้ง HDMI , USB , ไมโครโฟน , สายลั่นชัตเตอร์รวมไปถึงกล้อง Nikon D5200 ยังรองรับการทำงานระบบ GPS หรือ Wi-Fi โดยใช้อุปกรณ์เสริมครับ ส่วนอื่นที่ชอบก็คือตัวบอดี้ครับ สีสวยมากๆ ตัวที่ได้มารีวิวนี้เป็นสีแดงเมทัลลิค ส่วนใครกลัวว่าสีจะถลอกหรือเปล่า ต้องบอกว่า Nikon ทำสีออกมาดีครับ ใช้งานแบบลุยได้สบายสีไม่ลอก
ส่วนสเป็คก็ตามตารางด้านบนนะครับ แต่สรุปเด่นๆก็คือ
  • เซ็นเซอร์ 24.1 ล้านพิกเซล
  • ระบบโฟกัส 39 จุด และระบบโฟกัสใบหน้าอัตโนมัติ
  • ISO 100-6400 เร่งได้สูงสุด 25600
  • ระบบวัดแสงแบบใหม่ 2016-pixel RGB
  • หน้าจอบิดพับได้
ไฟล์ภาพ 24 ล้าน ของ Nikon D5200 เรียกได้ว่าเหลือกินเหลือใช้ครับ ใครที่อยากได้กล้องไฟล์ใหญ่ๆลองดูตัวนี้นะครับ ใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ได้เยอะแต่พิกเซล แต่คุณภาพก็ถือว่าดีพอตัวเลย เรียกว่ากล้องรุ่นเก่าๆอายไปเลย
สกินโทนเวลาไปถ่ายภาพบุคคลถ่ายทอดออกมาได้ดีครับ ใสๆเลยไม่แพ้ค่ายคู่แข่งแน่นอน กล้อง Nikon รุ่นใหม่ๆเดี๋ยวนี้พัฒนาไปมากขึ้นแล้วครับ 
ระบบโฟกัส 39 จุดทำงานได้ดี และกว้างครอบคุลมช่องมองภาพ ทำให้เวลาจะถ่ายภาพแล้วจุดโฟกัสไม่อยู่ตรงกลางนั้น ทำได้สะดวกขึ้น แถมระบบโฟกัสนั้นก็รวดเร็วครับ รวมถึงการใช้งานโฟกัส Live View ก็ไม่อืดอาดวืดวาด
โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติที่ให้มานั้น ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องกังวลกับเรื่องการวัดแสงอะไรให้ยุ่งยากครับ กล้องจัดการให้เรียบร้อยเลย เหลือแค่เราจัดองค์ประกอบภาพให้สวยๆเท่านั้นเอง
ช่องมองภาพของ D5200 นั้น ไม่แสดงผล 100% นะครับ ใครที่ใช้งานแบบมองผ่านช่องมองภาพก็คงต้องกะๆเอาหน่อยเผื่อเหลือเผื่อขาด แต่ถ้าอยากเห็นภาพเต็มๆก่อนถ่ายก็เปิด Live View เอาครับ ส่วน White Balance ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรครับ ฉลาดพอตัวทีเดียว
การใช้งานปุ่มคีย์ลัดต่างๆของกล้องนั้น ทำให้สามารถเข้าถึงเมนูการปรับค่าต่างๆของกล้องได้อย่างรวดเร็วครับ จะปรับจะทำอะไรกับกล้องก็ไม่ยาก แต่ติดนิดนึงตรงที่ให้มาไม่ครบ บางเมนูต้องเข้าไปหาในเมนูหลักของกล้องอีกทีครับ
การใช้งานเอฟเฟคท์ของกล้องก็ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องสุกมากขึ้น เพราะ Nikon D5200 ให้มาเยอะ เล่นสนุก อย่างเช่นตัวอย่างลองเอฟเฟคท์ Miniature ดูครับ
บางครั้งเวลาถ่ายภาพมาแล้ว อยากจะมาปรับแต่งเอฟเฟคท์ต่อในกล้อง ก็สามารถทำได้ง่ายดาย เสร็จจบหลังกล้องได้เลย ไม่ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์ ลองดูตัวอย่างครับ เป็นโหมด Selective Color
เรื่องการจัดการ ISO ไฟล์ของ Nikon D5200 ไม่ธรรมดาเลย เพราสามารถจัดการ Noise ได้ดี ถ้าให้ผมแนะนำก็คือใช้ได้ถึง 6400 อย่าไปเร่งสูงกว่านั้น น่าจะได้ไฟล์คุณภาพดีๆไปใช้งานต่อได้ครับ ลองดูตัวอย่างเล่นๆ ภาพล่างครับ ครอป 100% มาให้ดูเทียบกันระหว่าง ISO 100 กับ ISO 25600
เป็นอย่างไรบ้างครับกับคุณสมบัติของกล้อง Nikon D5200 หวังว่าคงเห็นตัวอย่างภาพและสเป็คคร่าวๆไปแล้ว สำหรับใครที่สนใจกล้องรุ่นนี้ก็แนะนำว่าน่าฟาดมาใช้มากๆ ใครทีเป็นมือใหม่หัดใช้หรือมีงบประมาณไม่มากนัก แต่อยากเล่น DSLR ลองมอง Nikon D5200 ไว้ก็ดีครับ ตัวบอดี้อย่างที่บอกเล็กๆแต่ไฟล์ไม่เล็กนะครับ
จุดเด่น
  • คุณภาพไฟล์ดีมาก ให้ภาพที่ขนาดใหญ่ไปใช้งานได้หลากหลาย
  • ใช้งานง่าย ลูกเล่นเยอะ
  • วัสดุและการออกแบบทำได้ดี
  • จอบิดพับได้เพิ่มความสะดวกในการถ่ายภาพมุมมองใหม่ๆได้เยอะ
  • คุ้มค่าคุ้มราคาครับ
จุดสังเกต
  • ไม่มีระบบแฟลชไร้สาย CLS รองรับ (น่าจะมีมาให้)
  • ปุ่มตั้งค่าน้อยไป การตั้งค่ากล้องบางอย่างไม่สะดวก ต้องเข้าไปหาในเมนูกล้อง

ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.techxcite.com/topic/12343.html

1 ความคิดเห็น:

  1. ลูกไปซื่อมาแล้ว กำลังฝึกใช้กล้องอยู่ ยังมือใหม่ !

    ตอบลบ