วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Review - Canon EF 70-200mm L IS II


การจัดชุดเลนส์สำหรับนักถ่ายภาพทั่วไป มักยึดเอาความยาวโฟกัสของเลนส์เป็นสำคัญ ช่วงเลนส์ซูม 3 ระยะที่แบ่งออกเป็น ไวด์ซูม นอร์มอลซูม และเทเลซูม คือช่วงเลนส์มาตรฐานที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างครอบคลุม ส่วนคุณภาพ ของเลนส์ซูม แต่ละตัวจะดีมากน้อยเท่าไหร่นั้นก็มีให้เลือกตามระดับความต้องการในการใช้งานและงบประมาณที่มี เลนส์เทเลซูมได้รับความสนใจและกล่าวถึงมาก เพราะมักจะเป็นเลนส์ตัวที่สองต่อจากเลนส์นอร์มอลซูม ด้วยความคล่องตัว ในการใช้งาน และให้ผลที่ดีในการถ่ายภาพแบบต่างๆ ใช้ถ่ายภาพ Protrait ได้ดีเพราะช่วงความยาวโฟกัสเทเลต้นๆ ให้ทัศนมิติและสัดส่วนที่ถูกต้องใช้ถ่ายภาพโคลสอัพหรือเลือกเจาะเฉพาะส่วนของ Subject ควบคุมฉากหลังได้ง่าย เพราะมีองศารับภาพแคบกว่า เลนส์เทเลซูมเกรดโปรจึงเป็นที่โปรดปรานของนักถ่ายภาพแทบทุกคน สำหรับผู้ที่ใช้กล้อง Canon แล้ว เลนส์เทเลซูมเกรดโปรที่ต่อท้ายเลนส์ด้วยรหัสเลนส์ด้วยรหัส L มีให้ 2 ระดับ คือเลนส์ F/2.8 และ F/4 ซึ่งมีราคาแตกต่างกันมากพอสมควร EF 70-200mm F/2.8 L IS II คือเลนส์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกมาได้สักระยะหนึ่งแล้วในปีนี้ แน่นอนว่ามันย่อมถูกกล่าวถึงอย่างมากว่าคุณภาพจะดีพอที่จะเรียกเงินค่าตัว แปดหมื่นกว่าบาทให้ออกจากกระเป๋าได้หรือไม่ และมีอะไรดีขึ้นจากเดิมไปบ้าง
Canon ผลิตเลนส์เทเลซูม EF 70-200mm F/2.8 L รุ่นแรกในปี 1995 เพื่อทดแทน EF 80-200mm F/2.8 L สร้างความโดดเด่นอย่างมากเพราะใช้กระบอกเลนส์สีขาวที่เป็นเอกลักษณ์อย่างมากจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

ต่อมาในปี 2001 ได้ผลิตเลนส์ EF 70-200mm F/2.8 L IS โดยเพิ่มระบบป้องกันภาพสั่นไหวเข้ามา พร้อมทั้งปรับระบบออฟติคใหม่ทั้งหมด ซึ่งถือว่านำหน้าเลนส์จากค่ายอื่นๆ ไปพอสมควร เพราะเป็นเลนส์เทเลซูมระยะนี้ตัวแรก ที่มีรบบป้องกันภาพสั่นไหว

และในปีนี้ 2010 ได้ผลิตรุ่นล่าสุด EF 70-200mm F/2.8 L IS II เมื่อมองดูเลนส์ทั้ง 3 รุ่น เราจะพบว่าเลนส์ได้รับการออกแบบใหม่ แตกต่างกันไปในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยการเปลี่ยนแปลงที่มีให้เห็นได้ จากภายนอกของเลนส์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ก็คือ ขนาด 89x199mm น้ำหนัก 1490 กรัม เพิ่มขึ้นราวๆ 20 กรัม
ขนาดและน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากรุ่น EF 70-200mm F/2.8 L IS เพียงเล็กน้อยสีของเลนส์ดูจะเป็นสีขาวอมฟ้านิดๆ วงแหวนซูมขนาดใหญ่วางอยู่ทางด้านท้าย วงแหวนโฟกัสขนาดใหญ่วางอยู่ทางด้านหน้า โดนรวมการออกแบบ ยังคงไม่แตกต่างจากเดิมไปมากนัก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือฮู้ดที่มีระบบล็อค มีปุ่มปลดล็อคดูน่าใช้งานมากขึ้น ที่กระบอกเลนส์มีสวิตซ์ 4 ตัว วางอยู่ทางด้านซ้าย ใช้ควบคุมระยะโฟกัส (1.2 เมตร-อนันต์, 2.5 เมตร-อนันต์), ระบบโฟกัส (AF/MF), ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (ON/OFF) และเลือกโหมดระบบป้องกันภาพสั่นไหว (I,II) เลนส์มีคอลล่าร์ติดมาให้ด้วย โดยรวมแล้วเป็นเลนส์ที่ออกแบบได้น่าใช้มาก

งานผลิตเลนส์เกรดโปรของ Canon ในระยะหลังนี้ต้องขอชมเชยคุณภาพของระบบกลไกภายในเลนส์ที่ทำให้การทำงาน ของวงแหวนซูมและวงแหวนโฟกัสปรับหมุนได้ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกที่ดีมาก นุ่มนวลไม่สะดุด น้ำหนักในการปรับหมุนกำลังดี ทั้งจากเลนส์ EF 100mm F/2.8 Marco L IS ที่ได้ทดสอบไปเมื่อคราวก่อน และ EF 70-200mm F/2.8 L IS II ก็เช่นกันเลนส์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ก็เป็นไปตามความคุ้นเคยในการใช้งานเลนส์เทเลซูมเกรดโปร มีน้ำหนักมากพอสมควร แต่ดูมีเสถียรภาพในการจับถือดีมากเมื่อใช้กล้องรุ่นกลางๆ ขึ้นไป ผมทดลองใช้งาน ร่วมกับกล้อง 2 รุ่นคือ EOS 5D Mark II และ EOD 50D ติด Grip ทั้งคู่ เมื่อติดเข้ากับเลนส์แล้วให้ความรู้สึกในการจับถือ ที่แน่นหนา สมดุล แม้น้ำหนักรวมจะมากไปหน่อย ถ้าต้องเดินถือกล้องและเลนส์นี้ถ่ายภาพเป็นเวลานานๆ แต่ถ้าใส่กับบอดี้กล้องรุ่นเล็กๆ ที่ไม่ติดกริป สมดุลน้ำหนักจะถ่วงไปทางด้านหน้ามากไป คอลล่าร์ที่วางบริเวณด้านท้าย ของเลนส์ค่อนข้างชิดกับบอดี้กล้องเมื่อติดกล้องเข้ากับขาตั้งกล้อง เมื่อต้องการหมุนกล้องเพื่อถ่ายภาพแนวตั้ง โดยใช้มือกุมกริปไว้ตลอดมืออาจจะค้ำกับหัวของขาตั้งกล้อง แต่ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของหัวขาตั้งกล้องด้วย งานผลิตดีเยี่ยมโครงสร้างแข้งแรงเป็นโลหะทั้งหมด พร้อมกับการซีลป้องน้ำและฝุ่นละออง
ความโดดเด่นของเลนส์ Canon คือเรื่องของความเร็วในการโฟกัส เลนส์ใช้มอเตอร์ Ultrasonic เหมือนในรุ่นก่อนๆ ระบบโฟกัสเป็นแบบ IF สมบูรณ์แบบทั้งหมดส่งผลให้การใช้งานที่เยี่ยมยอด โฟกัสได้เร็วแม่นยำ มีเสียงดังขณะ ทำงานน้อยมาก และปรับชิฟท์โฟกัสได้ตลอดเวลา (FTM) ขณะทำงานชุดโฟกัสภายในขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวล ไม่รู้สึกกึกกัก วงรอบการทำงานของวงแหวนซูมและโฟกัสมีระยะราวๆ ¼ รอบ ซึ่งเพียงพอต่อการหมุนด้วยนิ้วโป้ง และนิ้วชี้จนสุดโดยทไม่ต้องหักข้อมือ ทำให้อุ้งมือซ้ายยังสามารถประคองเลนส์ได้ดี ระบบป้องกันภาพสั่นไหว IS ในเลนส์ EF 70-200mm F/2.8 L IS II นี้ทาง Canon เคลมว่าสามารถป้องกันได้ถึง 4 สต๊อป ซึ่งมากกว่ารุ่นเดิม ที่เคลมไว้ที่ 3 สต๊อป ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในเลนส์รุ่นนี้มี 2 ระบบสามารถเลือกปรับได้ ช่วยป้องกันการสั่นไหว ทั้งในแนวนอนและแนวดิ่ง จากการทดลองใช้งานที่ช่วงเลนส์ 200mm ซึ่งเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการสั่นไหวที่สุด พบว่าสามารถรองรับได้ถึง 4 สต๊อปตามที่เคลมไว้ในบางครั้งขึ้นอยู่กับระดับความนิ่งในการถือกล้องด้วย โดยเฉลี่ยที่ความไวชัตเตอร์ต่ำกว่าถึง 4 สต๊อปนั้นได้ภาพที่คมชัดราวๆ 40 เปอร์เซนต์ ส่วนที่ความไวชัตเตอร์ต่ำกว่า 3 สต็อปนั้นได้ภาพที่คมชัดราว 80-90 เปอร์เซนต์ ที่ช่วง 200mm ความไวชัตเตอร์ 1/30 วินาที น่าจะเป็น ค่าที่ปลอดภัยได้ภาพที่คมชัด ถ้าต่ำกว่าก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ การทำงานของระบบป้องกันภาพสั่นไหวดีเยี่ยมครับ แม้ว่าที่ความไวชัตเตอร์ต่ำถึง 4 สต๊อปจะไม่ได้ภาพที่คมชัด 100 เปอร์เซ็นต์ทุกภาพตามที่เคลมไว้แต่ก็ช่วยได้มากแล้ว
ขนาดฟิลเตอร์มีขนาด 77mm ซึ่งยังคงมีขนาดเท่าเดิม และเท่ากับเลนส์นอร์มอลซูมและไวด์ซูมในซี่รี่ย์เดียว ทำให้สามารถ ใช้ฟิลเตอร์ร่วมกันได้ เลนส์ EF 70-200mm F/2.8 L IS II สามารถใช้งานร่วมกับ EF 1.4X ทำให้ระยะเป็น 140-400mm F/5.6 ถ้าหากนำมาใช้กับกล้อง APS-C ซึ่งมีอัตราคูณ 1.6X ก็จะทำให้มีความยาวโฟกัสรวมสูงสุดที่ 640mm ซึ่งสามารถ นำไปใช้ในการถ่ายภาพสัตว์ในสวนสัตว์เปิด นก สำหรับผู้ที่สนใจในเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี แม้ว่าคุณภาพจะลดลงไปบ้าง พอสมควรก็ตาม

ขอบคุณแหล่งที่มา : http://goto.canon.co.th/eosclub/reviews/detail.php?id=150

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น